Health fund rebate กับการนวดดีจริงหรือ ?
หลายครั้งเมื่อเกิดอาการปวด หลายคนมักลงเอยด้วยการนวด บางคนก็อาจสบายขึ้น แต่บางคนอาจเป็นหนักกว่าเดิม แท้จริงแล้วการนวดช่วยอะไรได้บ้าง จริงหรือไม่ที่การนวดช่วยรักษาโรค (Health fund rebate)ได้การนวดที่ช่วยให้หายโรค
การนวดที่สามารถรักษาโรคส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่สัมพันธ์กับกล้ามเนื้อ เช่น ออฟฟิศซินโดรม อันเกิดจากการนั่งในท่าทางไม่ถูกต้อง โรคความดันขึ้นที่มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อเกร็ง เพราะการนวดช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง ความดันจึงปรับลดลงมา หรืออาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อดีขึ้น เป็นต้น สบายกับหายการจะเข้าใจประโยชน์ของการนวดอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญต้องเข้าใจความหมายของสองคำสำคัญคือ สบายกับหายโรค สบายคือความรู้สึกผ่อนคลาย จากปวดก็หายปวด แต่ไม่ได้หมายความว่าโรคที่เป็นจะหายไป ส่วนการหายโรค คือโรคมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นจนกระทั่งหายเป็นปกติ ข้อดีของการนวดช่วยให้สบายขึ้นแน่นอน ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยให้หายโรค แต่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตครึ่งซีก มีอาการขาเกร็ง พอนวดแล้วรู้สึกโล่งขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้อัมพาตหายไป หรือผู้ป่วยอัมพาตที่เดินเกร็ง หลังจากนวดแล้ว รู้สึกคลาย(Health fund rebate) อาจขยับร่างกายได้ดีขึ้น เพราะกล้ามเนื้อคลายตัว แต่อัมพาตก็ยังไม่หาย
ผู้ที่ไปนวดควรรู้อะไรบ้าง
ปัจจุบันมีหมอนวดมากมาย บ้างก็มีคุณภาพ บ้างก็ไม่มี แล้วจะมีหลักเกณฑ์การแยกแยะระหว่างหมอนวดที่มีคุณภาพ(Health fund rebate)กับไม่มีอย่างไร แม้จะเป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก แต่ก็พอมีหลักเกณฑ์พิจารณากว้างๆ ดังนี้1. ผู้ที่มีอาการปวดฉับพลันไม่ควรนวดแรง เพราะจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อช้ำ เช่น อาการปวดจากการเล่นกีฬาควรนวดในลักษณะผ่อนคลาย
2. ไม่ควรมีการกดเส้นเลือด คือท่ากดเฉพาะจุดแล้วปล่อย โดยเฉพาะตรงบ่าหรือขาหนีบ การทำเช่นนี้ส่งผลร้ายต่อร่างกายคือทำให้เส้นเลือดช้ำ จึงควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ
3. ผู้สูงอายุไม่ควรนวดท่าดัดตัว
4. หลังจากนวดแล้วต้องสบาย อาจยังไม่รู้สึกทันทีก็ได้ นวดเสร็จอาจปวดบ้าง แต่ต้องไม่ทิ้งระยะเวลานานเกิน 1 วันนับจากวันที่นวด ถ้าเกินควรเปลี่ยนหมอนวด เพราะแสดงว่าหมอนวดผู้นี้อาจลงน้ำหนักมือแรงเกินไป จนกระทั่งทำให้กล้ามเนื้อช้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น